"แอร์รถยนต์ ส่วนสำคัญที่ต้องดูแล"
ลมแอร์ค่อยมาก เร่งสุดก็ยังไม่แรง
แอร์เหม็นมีกลิ่นอับ
แอร์เร่งสุด ยังเย็นไม่ฉ่ำ
รถอืดมาก(ไม่พุ่งเลย)
หายใจไม่สะดวกเมื่อเข้ามานั่งในรถ
ภูมิแพ้ กำเริบ ทุกที
อายเพื่อนเวลาเพื่อนขึ้นรถ(รถเหม็น)
ฯลฯ
เมื่อรถใช้ 2-30,000 กิโลเมตร ควรต้องล้าง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากคอยล์แอร์ ระบบแอร์จะทนทาน และมีอายุยาวนานเลยทีเดียว แอร์ยังเย็นเพราะระบบแอร์ยังไม่เสีย แต่ถ้าปล่อยปะละเลยไม่ล้าง คอมเพรสเซอร์จะเสียหาย ซึ่งแอร์จะไม่เย็นนั่นเอง
ต้องล้างเพราะอย่างไรเมื่ออากาศผ่านไปได้ ฝุ่นละอองก็ผ่านไปได้ด้วย เพียงแต่ทำให้การล้างแอร์นานขึ้นเท่านั้น
เหตุที่ล้างแอร์แล้วคอยล์ไม่ขาวเหมือนคอยล์ใหม่ๆเหมือนเจ้าอื่นๆเพราะเราใช้สารสกัดจากเปลือกส้ม ละลายคราบ ไม่กัดกร่อนโลหะ ดังนั้นคอยล์จะไม่ขาวเหมือนเจ้าอื่นๆ แต่คุณก็ปลอดภัยจากสารอันตรายและคอยล์แอร์ก็ปลอดภัย *เปรียบเทียบเหมือนถั่วงอกที่ขาวเพราะล้างด้วยโซดาไฟ ถ้าเห็นขาวๆไม่เหลืองเลย รับรู้ได้ว่ามีสารเคมีตกค้างอยู่*
-แอร์บ้านใหญ่กว่าแอร์รถคิดจากพื้นที่. อย่างน้อย10เท่า(รถ4ลูกบาศก์เมตรบ้าน40ลูกบาศก์เมตร)
-แอร์บ้านใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งมีราคาถูกกว่ารถยนต์ซึ่งใช้น้ำมันถึง6เท่า(ราคาต่อหน่วยคือไฟฟ้า4บาทน้ำมัน24)
-ทั้งแอร์บ้านและแอร์รถยนต์ เมื่อล้างจะประหยัดพลังงานประมาณ10%
-ทั้งแอร์บ้านและแอร์รถ หากไม่ล้างคอยล์(ตัวระบายความเย็น,ความร้อน) จะทำให้คอมเพรสเซอร์เสียหายหรือหมดอายุอย่างรวดเร็ว
*หากเปลี่ยนแต่คอมเพรสเซอร์ ไม่ได้ล้างคอยล์ จึงจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวคอมฯก็จะพังเสียหายอีกเพราะยังไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ(คราบสกปรกปิดกั้นการระบาย ตัววัดความเย็น(thermostat)จะสั่งให้คอมฯทำงาน การทำงานตลอดแบบไม่ตัดให้หยุด จึงทำให้คอมฯพังในที่สุด
-ในอากาศเต็มไปด้วยฝุ่นซึ่งแอร์รถและแอร์บ้านจะหมุนเอาอากาศดังกล่าวผ่านคอยล์เพื่อเอาความเย็นพร้อมทั้งฝากฝุ่นละอองไว้ที่คอยล์เย็นด้วย.
คอยล์เย็นกระทบความร้อนกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ผสมกับฝุ่นละออง กลายเป็นคราบสกปรกและเชื้อโรคมากมาย แพร่กระจายต่อไปเมื่อเปิดแอร์. ปัจจุบันคนไทยถึงเป็นภูมิแพ้มากขึ้น (ทุกคนชอบแอร์แต่ต้องล้างแอร์ด้วย)
-ส่วนประกอบหลักๆของแอร์รถยนต์มีดังนี้ คอมเพรสเซอร์,คอยล์เย็น,คอยล์ร้อน,กรองน้ำยาแอร์,thermostat,Broverลมฯ
-สาระหลักในการยึดอายุแอร์รถยนต์คือการล้างคอยล์เย็นเพราะthermostat จะวัดอุณหภูมิหลังคอยล์เย็น ถ้าความเย็นที่เราตั้งยังไม่ถึง. จะสั่งให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน.
-คอยล์เย็นผุ. ก็เกิดจากการไม่ล้างเพราะคราบสกปรกจะทำปฏิกิริยากับความชื้นและคอยล์เย็น(oxidation)
-มีผลการทดลองล่าสุดพิสูจน์แล้วว่าถ้าล้างคอยล์เย็นทุก6เดือน แอร์รถยนต์จะไม่ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์เลย. *ผลการทดลองนี้รถยนต์คันดังกล่าววิ่งเกือบถึง4แสนกิโลแล้วก็ยังไม่ต้องซ่อมแอร์(สรุปว่าถ้าล้างแอร์แล้วคอมฯหมดอายุเท่าไหร่ ยังต้องรอผลต่อไป)ซึ่งถ้าเป็นรถปกติไม่ได้ล้างแอร์จะมีอายุไม่เกิน2.5แสนกิโล(คอมฯใหม่อย่างดี)
-คอยล์แอร์รถยนต์คือเป้าหมายหลักที่เราจะต้องล้างเหมือนแอร์บ้าน. เพียงแต่รถยนต์มีพื้นที่น้อยและต้องออกแบบให้สวยงามจึงนำไปซ้อนไว้ลึกใต้คอนโซลรถยนต์และปิดบังให้มิดชิดเพื่อความสวยงาม. ดังนั้น จะเห็นได้ต้องใช้กล้องรุ่นพิเศษเท่านั้น
-ทุกขั้นตอนการล้างแอร์จะต้องมองใช้กล้องตลอดเพื่อการมองเห็นเหมือนการผ่าตัดสมัยใหม่ มิฉะนั้นจะก่อความเสียหายได้เช่นพ่นน้ำยาผิดเป้าหมาย,กระแทกชิ้นส่วนให้เสียหายฯดังนั้นกล้องจึงต้องออกแบบให้ดัดงอและกันน้ำได้. (กล้องประเภทนี้ต้องสร้างขึ้นมาเฉพาะ ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป)
-คราบสกปรก ของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน แตกต่างกันตามสิ่งแวดล้อมและอายุการล้าง. ช่างจึงต้องมองเห็นเพื่อล้างโฟกัสคราบสกปรกบนคอยล์จุดนั้นๆ